สอบ National License คืออะไร แล้วทำไม? นักศึกษาแพทย์ถึงต้องสอบ

เจาะลึกข้อสอบ National License ที่ครอบคลุมและตรงโจทย์ที่สุด

น้องๆที่มีความสนใจในสายวิชาชีพแพทย์ ต้องเคยได้ยินหรือรู้จักกับการสอบ NL อย่างแน่นอน แล้วรู้หรือไม่? การสอบNLคืออะไร? แล้วทำไม? นักศึกษาแพทย์ต้องเตรียมตัวกันเป็นปีๆก่อนสอบ เรียกได้ว่าบางคนต้องสอบจนท้อก็มี มันยากขนาดนั้นจริงไหม แล้วเขาเอาไว้ใช้ทำอะไรกัน MedMaster มาเฉลยคำตอบให้แล้วจ้าา

 

ใบประกอบวิชาชีพแพทย์ หรือ National License  ให้การรับรองโดยศูนย์ประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม (ศรว.) ของแพทยสภา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุคคลากรทางการแพทย์ของไทยมีมาตราฐานเดียวกันในระดับสากล

การสอบ National Lisense Examination (NLE) ของนักศึกษาแพทย์คืออะไร?

การประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือ National License จัดขึ้นเพื่อประเมินคุณสมบัตินักศึกษาแพทย์ที่จบใหม่ หรือเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3,5,6 ก็จะมีสิทธิเข้าร่วมสอบประเมินใบประกอบวิชาชีพ 

 

การสอบ NLE มีทั้งหมด 3 ระดับ ตั้งแต่การแพทย์เบื้องต้น การแพทย์คลินิค และหัตถการทางคลินิค เมื่อได้รับการรับรองแล้วสามารถบรรจุเป็นแพทย์เฉพาะทางหรือใช้ยื่นสอบต่อในต่างประเทศได้ทั่วโลก

 

NL-1 l Basic Medical Sciences

เป็นการสอบเพื่อประเมินความรู้พื้นฐาน ทางด้านเวชกรรมการแพทย์ (pre-clinic) โดยจะแบ่งเนื้อหาออกเป็น B1-11 สำหรับนักศึกษาแพทย์เมื่อจบปี 3 ขึ้นไป ถ้าสอบไม่ผ่านก็สอบใหม่ สามารถสอบปีละ 2 ครั้ง ช่วงเดือนเมษายนและเดือนตุลาคมของทุกปี

 

เนื้อหาและเกณฑ์การให้คะแนน NL-1 ในแต่ละหัวข้อ จากข้อสอบทั้งหมด 300 ข้อ

  • B1 : General Principles  จำนวนข้อสอบ 100 ข้อ l คิดเป็น 33 %
  • B2 : Hematopoietic and Lymphoreticular Systems จำนวนข้อสอบ 22 ข้อ l คิดเป็น 7.4%
  • B3 : Central and Peripheral Nervous Systems จำนวนข้อสอบ 22 ข้อ l คิดเป็น 7.4%
  • B4 : Skin and Related Connective Tissue จำนวนข้อสอบ 12 ข้อ l คิดเป็น 4.0%
  • B5 : Musculoskeletal System จำนวนข้อสอบ 12 ข้อ l คิดเป็น 4.0%
  • B6 : Respiratory System จำนวนข้อสอบ 22 ข้อ l คิดเป็น 7.4%
  • B7 : Cardiovascular System จำนวนข้อสอบ 22 ข้อ l คิดเป็น 7.4%
  • B8 : Gastrointestinal System จำนวนข้อสอบ 22 ข้อ l คิดเป็น 7.4%
  • B9 : Renal/Urinary System จำนวนข้อสอบ 22 ข้อ l คิดเป็น 7.4%
  • B10 : Reproductive System จำนวนข้อสอบ 22 ข้อ l คิดเป็น 7.4%
  • B11 : Endocrine System จำนวนข้อสอบ 22 ข้อ l คิดเป็น 7.4%

NL-2 l Clinical Sciences

เป็นข้อสอบแบบปรนัย One best response ทั้งหมด 300 ข้อ (5 ตัวเลือก) แบ่งออกเป็น 2 หมวดใหญ่ๆ คือ 1.ภาวะปกติและหลักการดูแลทั่วไป จำนวน 30 ข้อ  2.ภาวะผิดปกติจำแนกตามระบบอวัยวะ 270 ข้อ เพื่อประเมินความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก โดยรวมเอาทุกเนื้อหาวิชาเช่น สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา,อายุรศาสตร์,ศัลยศาสตร์,กุมารเวชศาสตร์ และอื่นๆ สำหรับนักศึกษาแพทย์จบปี 5 ขึ้นไป

NL-3 l Structured Clinical Examination

เป็นการสอบเพื่อประเมินทักษะและหัตถการทางคลินิก  สำหรับนักศึกษาแพทย์สอบตอนจบปี 6 ขึ้นไป การสอบแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆดังต่อไปนี้

  • Part 1 : Objective Structured Clinical Examination (OSCE)

เป็นการสอบแบบปฏิบัติที่มุ่งเน้นให้แพทย์สื่อสารกับผู้ป่วย เช่นการซักประวัติ การวินิจฉัยให้คำแนะนำผู้ป่วย การตรวจร่างการเท่าที่จำเป็น ตลอดจนการแจ้งข่าวร้าย โดยปฎิบัติการสอบในห้องปฏบัติการหรือฐานที่จัดสอบ มีทั้งหมด 10 ข้อ มีเวลาให้พักในการสอบแต่ละรอบ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที 

  • Part 2 : Modified Essay Questions (MEQ)

เป็นข้อสอบแบบอัตนัยประยุกต์ ที่มุ่งเน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ยึดหลักการประเมิน Clinical resoning และ Problem sloving โดยโจทย์จะให้ข้อมูลเริ่มต้นเพียงสั้นๆเพื่อตั้งสมมุติฐานเบื้องต้นและหาข้อมูลมาอ้างอิงสมมุติฐานของเรา ตลอดจนการวินิจฉัยโรคและการรักษาเบื้องต้น

  • Part 3 : Long case Examination

เป็นการสอบปฏิบัติที่ผู้สมัครต้องประยุกต์ความรู้ทั้งหมดจากการเรียนนำมารักษาผู้ป่วยจริงๆจำนวน 2 ราย โดยเป็นโรคทางอายุรศาสตร์ 1 ราย ส่วนอีกเคสอาจจะเป็นผู้ป่วยนอก OPD หรือ ผู้ป่วยใน IPD ก็ได้ซึ่งผลต้องผ่านทั้ง 2 เคสจึงจะถือว่าผ่านการสอบ

เห็นรายละเอียดแล้วบอกได้เลยว่าเนื้อหาเยอะสุดๆ เพราะหลายคนก็ต้องใช้เวลาหลายปีหลังจากเรียนจบจึงสามารถสอบผ่าน National License ได้ แต่ก็มีนักศึกษาแพทย์จำนวนอีกไม่น้อยเลยที่สามารถสอบ NLE ผ่านได้ตั้งแต่การสอบครั้งแรก เห็นแบบนี้แล้วบอกได้เลยนะคะ ว่าการเตรียมตัวเป็นเรื่องสำคัญถ้าหากเราเตรียมตัวมาดี รวมสรุป 5 เทคนิคพิชิตข้อสอบ NL-1 เพียงเท่านี้น้องๆก็สามารถคว้าใบประกอบวิชาชีพแพทย์มาครองได้แบบไม่ยากแล้ว